วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

25 มณฑารพ

มณฑารพ หรือ มณฑา มีเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับพุทธประวัตคือ


เมื่อพระมหากัสสปะ ทราบว่าพระพุทธองค์ทรงปลงอายุสังขาร และเสด็จไปดับขันธ์ปรินิพพานที่นครกุสินารา พระมหากัสสปะพร้อมด้วยพระสงฆ์บริวาร 500 รูป จึงเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ขณะหยุดพักที่โคนไม้ใกล้เมือง เห็นอาชีวกหนุ่มคนหนึ่งถือดอกมณฑาเดินมาจากทางเมืองกุสินารา พระมหากัสสปะสงสัยมากเนื่องจากดอกมณฑา เป็นดอกไม้ทิพย์ มิได้มีอยู่บนโลกมนุษย์ จะปรากฏเฉพาะตอนที่พระพุทธเจ้าเข้าสู่พระครรภ์มารดา หรือประสูติออกสู่มหาภิเนษกรมณ์อภิสมโพธิ เมื่อตรัสเทศนาพระธรรมจักร เมื่อกระทำยมกปาฏิหาริย์ เมื่อเสด็จจากเทวโลก เมื่อทรงปลงอายุสังขาร จึงจะบันดาลให้ตกลงมาจากเทวโลก หรือพระพุทธเจ้า จักเข้าสู่ปรินิพพานเสียแล้ว


จึงได้ถามอาชีวกหนุ่มนั้นว่า “ดูก่อน ท่านผู้มีอายุ ท่านจะยังทราบข่าวของพระศาสดาบ้างหรือไม่”


อาชีวกตอบว่า “ทราบอยู่ พระสมณะโคดมปรินิพพานได้ 7 วันแล้ว ดอกมณฑารพในมือนี้ เราถือมาแต่ที่นั้น”


บรรดาภิกษุบริวารผู้ใดที่ยังไม่บรรลุอรหันต์ เมื่อได้ยินต่างพากันคร่ำรำพัน ว่าพระผู้มีพระภาคปรินิพานเร็วจัก พระผู้เป็นจักษุโลกอันตรธานเร็วนัก ผู้ใดที่ปราศจากราคะ มีสติสัมปชัญญะอดกลั้น ก็ว่า สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ


ครั้งนั้น บรรพชิตผู้บวชเมื่อแก่ ชื่อสุภัทวุตบรรพชิต ได้บอกกับเหล่าภิกษุว่า “อย่าเลยผู้มีอายุ พวกท่านอย่าได้เศร้าโศกไป อย่าร่ำไรเลย เราพ้นดีแล้ว ด้วยว่าพระมหาสมณะนั้นเบียดเบียนพวกเราอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ ก็บัดนี้ เราปรารถนาสิ่งใดก็จักทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใด ก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น”


ชาวพุทธควรขอบคุณพระสุภัททวุต ดอกมณฑา อาชีวก และพระสงฆ์ที่คร่ำครวญ เพราะล้วนเป็นเหตุให้พระมหากัสสปะเห็นภัยในพระศาสนา จึงชักชวนสงฆ์ทั้งหลายทำสังคายนา ร้อยกรองพระธรรมวินัยเพื่อความเป็นปึกแผ่น


(ภาพพระพุธองค์ปางปรินิพพานแบบภารหุต สมัยสุงคะ ที่น่าสนใจคือเครื่งประดับสถูป)


ในวันเพ็ญเดือน 10 หลังปรินิพพานแล้ว 4 เดือน อันเป็นช่วงเวลาเข้าพรรษาพอดี จึงเริ่มมีการสังคายนาที่คูหาสัตตบรรณพต กรุงราชคฤห์ โดยมีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นเอกอัครราชูปถัมภก พระสงฆ์ทั้ง 500 รูปที่ร่วมกันสังคยนาล้วนแต่พระอรหันต์ขีณาสพ การสังคายนาใช้เวลา 7 เดือน จึงแล้วเสร็จ

.................................................................................


พุทธทาสภิกขุ ภาพพุทธประวัติหินสลัก ธรรมสภา 1 / 4-5 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ

ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


พนิตา อังจันทรเพ็ญ พระพุทธประวัติ สมุดภาพจิตรกรรมไทยเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธรรมสภา 1 / 4-5 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ


นวองคุลี เหตุเกิดหลังพุทธปรินิพพาน ธรรมสภา 1 / 4-5 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ

24 ตะเคียน

ตะเคียน เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติอยู่ 2 ครั้ง


ครั้งหนึ่งคือพวกเดียรถีย์ทำยมกปาฏิหาริย์แข่งกับพระพุทธองค์ จึงตระเตรียมมณฑลอันมีเสาที่ทำด้วยไม้ตะเคียน


อีกครั้งคือ สิริคุตถ์หลอกนิครนห์ผู้เป็นอาจารย์ของครหพินน์ตกลงไปในหลุมอุจจาระ ครหพินน์จึงคิดแก้แค้นพระพุทธองค์ซึ่งเป็นอาจารย์ของศิริคุตถ์บ้าง โดยทำหลุมไฟอันมีไม้ตะเคียนเป็นเชื้อเพลิง แล้วมีกระดานกลปิดไว้ที่ปากหลุม เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปถึงหลุมไฟนั้น ก็มีดอกบัวมารองรับพระบาทมิให้ได้รับอันตราย

............................................................


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


23 จันทน์แดง

จันทน์แดง ปรากฏในพุทธประวัติ เพราะ เศรษฐีในกรุงราชคฤห์ ได้ปุ่มไม้จันทน์แดงมา จึงนำมาทำเป็นบาตร เสร็จแล้วนำไปแขวนไว้บนยอดเสาซึ่งทำจากไม้ไผ่ต่อๆกันไปจนสูงถึง 60 ศอก


เศรษฐีประกาศว่า ถ้าผู้ใดเหาะไปเอาบาตรลงมาได้ จะเชื่อว่าผู้นั้นเป็นพระอรหันต์


พระปิณโฑลภารทวาชเถระ ได้แสดงปาฏิหาริย์ไปนำเอาบาตรมา ความทราบถึงพระพุทธองค์ จึงทรงตำหนิที่กระทำเช่นนั้น ทรงทำลายบาตรไม้จันทน์แดงจนเป็นจุล แล้วแจกให้พระสงฆ์บดใช้เป็นโอสถสำหรับใส่จักษุ และทรงมีบัญญัติห้ามมิให้สาวกแสดงปาฏิหาริย์สืบไป


ในปาฏิหาริย์ (สิ่งที่น่าอัศจรรย์ การกระทำที่ให้บังเกิดผลเป็นอัศจรรย์)ทั้ง 3 อันมี อิทธิปาฏิหาริย์ (แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์) อาเทศนาปาฏิหาริย์ (ทายใจผู้อื่นได้เป็นอัศจรรย์) และ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (คำสอนมีผลจริงเป็นอัศจรรย์) พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญแต่ปาฏิหาริย์ในข้อ 3 เท่านั้น เพราะการสอนผู้อื่นให้เข้าใจสามารถนำไปประพฤติปฏิบัติตามจนได้ผลเป็นอัศจรรย์ ผู้ฟังย่อมเกิดปัญญาพึ่งพาตนเองได้ ต่างจากสองปาฏิหาริย์แรกที่เมื่อแสดงแล้ว ผู้ชมหรือผู้ฟังทึ่ง หวังพึ่งแต่ผู้แสดงปาฏิหาริย์จนไม่คิดพึ่งตนเอง ไม่เกิดปัญญาพัฒนาตนให้หลุดพ้นตามมา


.......................................................................................


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตตฺโต) พจนานุกรมพุทธศาสตร์ฉบับประมวลศัพท์ โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ พระนคร


พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตตฺโต) ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง สำนักพิมพ์ระฆังทอง ตู้ป.ณ.119 ปณจ.ราชดำเนิน กรุงเทพ

22 สมอ

สมอ มีชื่อบาลีว่า หรีตก (หะ-รี-ตะ-กะ) ,หรีตกี (หะ-รี-ตะ-กี), หรีตโก(หะ-รี-ตะ-โก) และอภยา (อะ-พะ-ยา)


หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ได้เสวยวิมุตสุขใต้ต้นไม้


พระอินทร์เห็นว่าพระพุทธองค์ควรจะเสวยพระกระยาหารบ้าง


จึงนำผลสมอทิพย์มาถวาย


.......................................................................


อ้างอิงเรื่องและรูป


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


21 ประดู่ลาย

ประดู่ลาย ชาวอินเดียเรียก “ลิสโซ”


เมื่อพระพุทธองค์เสด็จไปเยี่ยมพุทธบิดา คือพระเจ้าสุทโธทนะที่กรุงบิลพัสดุ์ และได้โปรดทั้งพระบิดาและพระญาติแล้ว


เมื่อเสด็จกลับกรุงราชคฤห์ ได้พาพระอานนท์ พระราหุล กลับด้วย


ได้ประทับยังป่าสีสปาวัน หรือป่าไม้ประดู่ลาย หรือประดู่แขก


.........................................


อ้างอิงเรื่องและรูป


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

20 มะตูม

ครั้งแรกที่เสด็จไปกรุงกบิลพัสดุ์หลังจากการตรัสรู้ ทรงประทับ ณ นิโครธาราม


เหล่าพระญาติมารับเสด็จ แต่เห็นว่าทรงมีชันษาน้อยกว่าตน จึงนั่งแอบอยู่ข้างหลัง ส่งพระกุมารมานั่งแถวหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องวันทาพระองค์


พระพุทธองค์จึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เหาะขึ้นสู่อากาศ โปรยละอองพระบาทลงสู่พระญาติ เหล่าพระญาติเห็นดังนั้น จึงได้คลายมานะ


เช้าวันหนึ่ง เสด็จเข้าไปสู่พระนครเพื่อบิณฑบาต


ขากลับ ได้เสด็จไปยังป่ามหาวันเพื่อทรงพักผ่อน


ได้ประทับใต้ต้นมะตูมหนุ่ม

............................................................


อ้างอิงเรื่อง และรูป


เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


19 ฝ้าย

ฝ้าย เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติคือ เมื่อพระพุทธองค์ทรงโปรดปัญจวัคคี และทรงมีพระสาวกเพิ่มเป็น 60 รูปแล้ว ทรงส่งพระสาวกทั้งหกสิบไปเผยแพร่พระศาสนา ส่วนพระองค์ เสด็จไปอุรุเวลาเสนานิคม


ระหว่างทาง ทรงหยุดพักใต้ต้นรุกขมูล (ฝ้าย )


ขณะที่ประทับนั่งอยู่ เด็กหนุ่ม 30 คนที่ได้ชื่อว่า “ภัทวัคคีย์” นำภรรยามาพักผ่อนที่ไร่ฝ้าย ในกลุ่มทั้ง 30 นั้น มีคนหนึ่งไม่มีภรรยา จึงนำหญิงคนหนึ่งมาเป็นเพื่อน


ขณะที่ทุกคนไม่ได้สนใจระวังข้าวของ หญิงนั้นถือโอกาสขโมยเครื่องประดับไป ภัทวัคคีย์จึงออกติดตาม จนมาพบพระพุทธองค์ที่โคนต้นฝ้าย จึงถามว่าทรงเห็นหญิงหนึ่งผ่านไปหรือไม่


พระองค์ตรัสถามเหล่าภัทวัคคีย์ว่า จะแสวงหาตนดีกว่า หรือแสวงหาหญิงนั้นดีกว่า


ต่อมาทรงแสดงธรรมจนเหล่าภัทวัคคีย์บรรลุโสดาบัน


อีกเหตุการณ์ของฝ้ายคือ เมื่อเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์เป็นครั้งที่ 2 พระน้านางปชาบดีโคตรมี ได้ถวายผ้าสาฎก 2 ผืน ยาว 14 ศอก กว้าง 7 ศอกเสมอกัน


ปฐมสมโพธิกล่าวว่า “ ฝ้ายนั้นมีสีเหลืองดังทอง โดยพระนางปลูกต้นฝ้ายเอง ฝ้ายออกดอกมาเป็นสีเหลืองหม่น เสร็จแล้วทอเองจนสำเร็จเป็นผืน แล้วใส่ผอบทองไปถวายพระพุทธเจ้า”


หากพระพุทธองค์ไม่ทรงรับ ชี้ให้พระนางนำไปถวายพระสงฆ์ แต่ไม่มีสงฆ์รูปใดยอมรับอีก มีอยุ่รูปเดียวที่เพิ่งบวชใหม่อยู่ท้ายแถว ยอมรับ ท่านมีนามว่า “อชิต” ยังเป็นพระปุถุชน แต่ในอนาคต ปฐมสมโพธิว่าอชิตภิกษุนี้ คือพระศรีอาริย์ ซึ่งจะเสด็จมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป


ที่ไม่ทรงรับ เพราะมีพระประสงค์ยกย่องความดีของพระสงฆ์ให้ประจักษ์ มิฉะนั้นอาจเกิดความคิดว่า ต้องทำบุญกับพระพุทธเจ้า จึงจะได้บุญ อันจะทำให้สงฆ์ลำบากเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว


.................................................



อ้างอิงเรื่อง และรูป


เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก ชนะใครไม่เท่าชนะใจตน มูลนิธิมายา โคตรมี 378 อาคารสงเคราะห์ สาย 20 ก. แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120