วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

7 โพธิ์

ต้นโพธิ์ เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์เป็นอย่างมาก และมีความสำคัญต่อชาวพุทธมาจนปัจจุบัน ชื่อเดิมคือต้นปีปปัน (papal) หรืออัสสัตถพฤกษ์ ต่อมาถูกเรียกว่าต้นโพธิ์ อันแปลว่าต้นไม้เป็นที่อาศัยตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า



ต้นโพธิ์เป็นหนึ่งในสหชาติทั้ง 7 คือเกิดพร้อมกันกับพระพุทธองค์ นั่นคือ


1 พระนางยโสธราพิมพา


2 พระอานนท์


3 กาฬุทายีอำมาตย์


4 นายฉันนะ


5 ม้ากัณฑกะ


6 ต้นพระศรีมหาโพธิ์


7ขุมทองทั้ง 4 ( สังขนิธี,เอลนิธี,อุบลนิธี,บุณฑริกนิธี)



เหตุการณ์สำคัญที่ต้นโพธิ์เกี่ยวพันกับพระพุทธองค์คือในวันที่ทรงตรัสรู้


เย็นวันนั้น เมื่อทรงรับหญ้ากุศะ จากพราหมณ์โสตถิยะทรงนำมาปูลาดเป็นอาสนะที่โคนต้นโพธิ์แล้ว ทรงงประทับนั่งขัดสมาธิ ตั้งพระทัยแน่วว่าหากไม่บรรลุโพธิญาณ จะไม่ทรงลุกขึ้น


โคนต้นโพธิ์ที่ประทับนั่งนั้น จึงเรียกว่า โพธิ์บัลลังก์



และในยามที่อาทิตย์กำลังจะลับทิวไม้ พยามารก็ยกไพร่พลมาผจญพระองค์เพื่อไม่ให้บรรลุพระประสงค์ ไพร่พลที่ยกมา มากมายจนเทพยดาที่คอยอารักษ์พระองค์ล้วนเกรงกลัว หลบหนีไปหมด


พยามารได้กล่าวตู่ว่า พระองค์ยึดเอาบัลลังก์ของตนไป ต้องลุกจากอาสนะนั้น พระพุทธองค์ไม่เห็นผู้ใดพอจะเป็นพยานได้ จึงทรงชี้พระดัชนีลงยังพื้นพระธรณี พระนางธรณี จึงผุดขึ้นมาเป็นพยาน



ปฐมสมโพธิกล่าวว่า พระธรณีอุบัติขึ้นเป็นรูปนารี กล่าวเป็นพยานแก่มหาบุรุษ พร้อมทั้งบีบน้ำ “ทักษิโณทก” อันนคือน้ำที่พระพุทธองค์ทรงกรวดทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญบุญบารมีมาทุกปางชาติ ซึ่งพระนางธรณีก็เก็บไว้ที่มวยผม


“เป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศทั้งปวง ประดุจห้วงมหาสาครสมุทร...หมู่มารทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยุ่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำ ปลาสนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทร ที่นั่งทรงองค์พระยาวัสสวดี ก็มีบาทาอันพลาด มิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร....พระยามารก็พ่ายไปในที่สุด”



มีการถอดความว่า มารในที่นี้คือกิเลสในใจคนนั้นเอง เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสติปัญญา พระพุทธองค์ในขณะนั้น ในพระทัยยังมีกิเลสอยู่ แต่เป็นกิเลสที่กำลังจะหลุดจากขั้วพระทัย กิเลสนี้คือความห่วงใย คิดถึงความหลัง ความสุขในราชสมบัติ แต่ก็ทรงชนะกิเลสนี้ได้ ด้วยพระบารมีที่ทรงสั่งสมมา



เมื่อทรงมีชัยชนะแก่มาร ทรงบำเพ็ญสมาธิ และบรรลุญาณที่ใต้ต้นโพธิ์นั้น ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทวยเทพต่างยินดี แซ่ซ้อง ขับร้องเป็นพุทธบูชากันถ้วนหน้า



ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาเป็นรุ่นที่สามของต้นโพธิ์ในครั้งพุทธกาล โดยต้นที่พระพุทธองค์ประทับนั่งตรัสรู้นั้นถูกโค่นทำลายไป แต่เมื่อนำนมโคไปราดที่ราก ก็แตกแขนง ก่อเป็นลำต้นขึ้นมาใหม่ ครั้นต้นที่สองตายไป ก็มีหน่อแตกใหม่ เติบโต ตั้งมั่นอยู่ที่พุทธคยาจนปัจจุบันนี้



ยังมีต้นโพธิ์อีกต้น ที่พระอานนท์อำนวยการให้ปลูกไว้ เพื่อเป็น “เจดีย์” กราบไหว้ แทนพระพุทธองค์ในยามที่พระองค์ไม่ได้ประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวัน โพธิ์ต้นนั้นเรียก “อานันทโพธิ” (ต้นโพธิ์พระอานนท์)


............................................................

อ้างอิงเรื่องและรูป

เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ


เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา เกษมอนันต์พริ้นติ้ง 02-809-7452-4


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


พนิตา อังจันทรเพ็ญ พระพุทธประวัติ สมุดภาพจิตรกรรมไทยเฉลิมพระเกียรติ 81 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ธรรมสภา 1 / 4-5 ถ.บรมราชชนนี เขตทวีวัฒนา กรุงเทพ







1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 กันยายน 2552 เวลา 19:09

    *** เพราะสัจจะ จึงตรัสรู้ ****

    ณ ใต้ต้นโพธิ์
    ตั้งพระทัยแน่วว่าหากไม่บรรลุโพธิญาณ จะไม่ทรงลุกขึ้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "

    ตอบลบ