วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

1 บัว

เมื่อดิฉันได้หนังสือ “ไม้พุทธประวัติ” อันเป็นหนังสือในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ผู้เขียนได้นำพันธ์ไม้แต่ละชนิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องตามพุทธประวัติ เสนอร่วมกันอย่างน่าสนใจ ดิฉันจึงเกิดความคิดอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับพรรณไม้ในพุทธประวัติ โดยเน้นที่เหตุการณ์ตามพุทธประวัติมากกว่าพรรณไม้ ตามหลักฐานที่พอหาได้ อันอาจเป็นสาระที่สร้างความศรัทธาในพระศาสนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น


จึงรวบรวมเนื้อหาโดยยึดเนื้อความหลักจาก “สมุดภาพพุทธประวัติ” ที่วาดโดยครูเหม เวชกร ซึ่งสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณฯ (ปุ่น ปุณฺณสิริ) สมเด็จพระสังฆราช วัดพระเชตุพน เมื่อครั้งทรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวโรดมโปรดให้วาดตามหนังสือปฐมสมโพธิ ฉบับสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพน หนังสือ “ไม้พุทธประวัติ” ซึ่งเรียบเรียงโดยศาสตราจารย์ ดร. พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ และเล่มอื่นๆเข้าด้วยกัน แล้วเรียบเรียงระเรื่อยตามเหตุการณ์


หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชนบ้างตามสมควรนะคะ

1 บัว

บัว เป็นดอกไม้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติอยู่หลายตอน

เหตุการณ์แรก เมื่อพระโพธิสัตว์ ซึ่งต่อมาคือเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จจากสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่อเข้าสู่พระครรภ์พระมารดา วันที่เสด็จลงมาบังเกิดนั้น ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8



คืนนั้น พระนางสิริมหามายา พระมาดาทรงมีพระสุบินนิมิตว่า พระนางได้เข้าไปอยู่ในป่าหิมพานต์ ได้มีช้างเผือกเชือกหนึ่ง ลงมาจากยอดเขาสูง เข้ามาหาพระนาง

ปฐมสมโพธิ พรรณนาเหตุการณ์ตอนนี้ไว้ว่า


“มีเศวตหัตถีช้างหนึ่ง...ชูงวงอันจับปทุมชาติสีขาว มีเสาวคนธ์หอมฟุ้งตรลบ แล้วร้องโกญจนาทเข้ามาในกนกวิมาน แล้วกระทำประทักษิณพระองค์อันบรรทมถ้วนครบสามรอบแล้ว เหมือนดุจเข้าไปในอุทรประเทศ ฝ่ายทักษิณปรเศว์แห่งพระราชเทวี...”


ในขณะนั้น ได้เกิดบุพนิมิตขึ้น 32 ประการ ประการที่เกี่ยวกับดอกบัวคือ มีดอกบัวปทุมชาติหรือบัวหลวง 5 ชนิด อันได้แก่



สัตตบุษย์ หรือ บัวฉัตรขาว


บัวเข็มชมพู


บุณฑริก หรือ บัวหลวงขาว


ปทุม หรือ บัวหลวงชมพู


สัตตบงกช หรือบัวหลวงป้อมแดง

เหล่าปทุมชาติ เกิดดารดาษไปในน้ำและบนบกอย่างหนึ่ง ผุดงอกขึ้นจากแผ่นหินแห่งละเจ็ดดอกอย่างหนึ่ง และต้นพฤกษาลดาชาติ ก็เกิดดอกบัวออกตามลำต้นและกิ่งก้านอีกอย่างหนึ่ง


ต่อมา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ เมื่อทรงก้าวลงจากพระครรภ์ ทรงผินพระพักตร์ไปยังทิศอุดร ชี้พระดรรชนีขึ้นฟ้า แล้วเสด็จดำเนินไป 7 ก้าว แต่ละก้าวมีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับ และทรงเปล่งอาสภิวาจา(วาจาอย่างองอาจ)ว่า เราเป็นผู้เลิศของโลก เป็นผู้ใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ประเสริฐที่สุดของโลก นี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย ไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป


ดอกบัวที่ผุดขึ้นมารับพระบาทนี้ หมายถึงพระองค์จะเป็นผู้บริสุทธิ์ ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง (ซึ่งเสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิตบอกว่า ในพระไตรปิฎกไม่ได้พูดถึง แต่มีเพิ่มขึ้นภายหลัง)


ราชบัณฑิตยังให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่พระพุทธองค์สามารถตรัสได้ทันทีที่ประสูติต่อคำถามที่ว่า เป็นเพียงสัญลักษณ์เปรียบเทียบถึงอะไร หรือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ท่านตอบว่ามีเขียนไว้ในพระไตรปิฎก โดยพระพุทธองค์ตรัสเล่าให้สาวกฟังด้วยพระองค์เอง โดยทรงสรุปสั้นๆว่า “เป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์” โดยท่านยกขึ้นเปรียบเทียบกับเด็กชายที่ได้บันทึกไว้ในกินเนสส์บุค คือ คริสเตียน ไฮเนเก้น ที่เกิดมาสองชั่วโมงก็พูดได้ อายุ 4 ขวบ ก็พูดได้ 7 ภาษา พออายุ 7 ขวบ สามารถแสดงปาฐกถาเรื่องอภิปรัชญาชั้นสูงให้ที่ประชุมปราชญ์ได้ทึ่ง


เหตุการณ์ที่สาม เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 7 พรรษา พระราชบิดาโปรดให้ขุดสระโบกขรณี 3 สระ สำหรับให้ทรงลงเล่นน้ำ โดยปลุกอุบลบัวขาบสระหนึ่ง ปทุมบัวหลวงสระหนึ่ง และบุณฑริกบัวขาวอีกสระหนึ่ง ครั้นเมื่อพระองค์ได้อภิเษกสมรสกับพระนางยโศธรา พิมพา ต่อมา พระนางทรงพระครรภ์ ทรงทราบข่าวการมีประสูติกาลของพระโอรส (คือพระราหุล) ที่ริมสระบัว


และเมื่อทรงตรัสรู้ ทรงเปรียบเวไนยสัตว์ อุปมาดังบัว สี่เหล่า คือ


เหล่าที่ 1 อุคคติตัญญูบุคคล คือผู้มีกิเลสเบาบาง มีปัญญา เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถเข้าใจได้ในทันที เปรียบเหมือนบัวที่โผล่พ้นน้ำ พอต้องแสงอาทิตย์ ก็บานทันที


เหล่าที่2 วิปัจจิคัญญูบุคคล กิเลสค่อนบ้างน้อย อินทรีย์ปานกลาง หากได้ฟัง และมีการอธิบายซ้ำอีกครั้งก็จะเข้าใจ เปรียบเหมือนบัวที่อยุ่พอดีกับผิวน้ำ พร้อมที่จะบานในวันต่อไป


เหล่าที่ 3 เนยยบุคคล ผู้ที่มีกิเลสปานกลาง ต้องหมั่นศึกษา คบกัลยาณมิตร จึงจะสามารถรู้ธรรม เปรียบเหมือนบัวที่ยังจมอยู่ในน้ำ คอยวันโผล่พ้นน้ำ เพื่อที่จะบานในวันต่อๆไป


เหล่า 4 ปทปรมบุคคล ผู้ที่มีกิเลสหนา ปัญญาทึบ ไม่สามารถบรรลุธรรมวิเศษได้ เปรียบเสมือนบัวที่จมอยุ่ใต้น้ำลึก ไม่สามารถโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ รังแต่จะเป็นอาหารของเต่าปลาต่อไป


อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ ครหพินน์เจ็บใจที่สิริตุตถ์หลอกอาจารย์เดียรถีร์ของตนให้ตกลงไปในหลุมอุจจาะ จึงคิดแก้แค้น หลอกพระพุทธเจ้าอันเป็นอาจารย์ของสิริคุตถ์บ้าง โดยล่อให้ตกลงไปในหลุมที่ก่อไฟด้วยไม้ตะเคียน ปรากฏว่ามีดอกบัว ผุดขึ้นมารับพระบาทพระองค์


เหล่านี้คือเรื่องราวของ “บัว” ที่เกี่ยวข้องในพุทธศาสนาค่ะ


............................................


อ้างอิงเรื่อง และรูป


เหม เวชกร สมุดภาพพระพุทธประวัติ ธรรมสภา 35/270 จรัลสนิทวงศ์ 62 บางพลัด บางกอกน้อย กรุงเทพ


เสถียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต สิ่งแรกในพระพุทธศาสนา เกษมอนันต์พริ้นติ้ง 02-809-7452-4


ศาสตรจารย์ พเยาว์ เหมือนวงษ์ญาติ ไม้พุทธประวัติ สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด้จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชวังดุสิต กรุงเทพ


สุปรียา จันทะเหล่า บัว1 อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) 65/101-103 ถ.ชัยพฤกษ์ ตลิ่งชัน กรุงเทพ 10170






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น